ข้อมูล Encephalartos nubimontanus
Encephalartos Nubimontanus
Mr.Prince Farm (Line Id mr.prince.farm)
P.J.H.(Johan) Hunter ได้อธิบายสายพันธุ์นี้ในปี 1995 แต่มันก็ถูกอธิบายโดย piet J.Vorster ในปี ค.ศ. 1996 ภายใต้ชื่อ E.venetus ในตำราคำว่า nubimontanus มาจาก 2 คำในภาษาลาติน nubilus จาก “cloud”(เมฆหรือความขุ่นมัว) แต่บาง website ก็บอกว่า ‘nubilus ’ meaning“ blue-grey”และ montanus มาจากคำว่า mountain (ภูเขา) อ้างถึงแหล่งที่มาคือ Wolkberg การอาศัยอยู่ในธรรมชาติของสายพันธุ์นี้
Habitat
สายพันธุ์นี้เกิดที่พื้นที่เล็กๆเขต The Drakenberg ใน Limpopo อาจจะมากกว่าหรือน้อยกว่าระหว่างการกระจายตัวของสายพันธุ์ Encephalartos cupidus และ Encephalartos dolomiticus รูปแบบใบของกลุ่มนี้เมื่อโตขึ้นจะเป็นไปตามแหล่งที่เกิดตามหุบเขาที่แตกต่างกัน ซึ่งมักจะไม่ห่างไกลมาก ต่างก็มีขอบเขตที่น่าแปลกใจในรูปแบบใบ พืชจะเติบโตในป่าโดยเฉพาะอย่างยิ่งบนหน้าผา ที่ระดับความสูง 1000 เมตรหรือระดับเหนือกว่าระดับน้ำทะเล โดยมีฝนตกประจำปีประมาณ 650-800 มิลลิเมตรในช่วงฤดูร้อน
Cultivation
สายพันธุ์นี้เป็นหนึ่งสายพันธุ์ที่โตเร็วมากในแอฟริกาใต้และใบมีสีน้ำเงินอมเขียวในสายพันธุ์นี้อีกด้วย สายพันธุ์นี้จะมีการเติบโตที่เร็วทำให้เกิดขั้นตอนการดูแลค่อนข้างสั้นในช่วงอายุยังน้อย และเมื่อ Cone ครั้งแรกอาจจะเกิดขึ้นที่ลำต้นมีขนาด 15 cm หรือใหญ่กว่าบนพื้นดิน สายพันธุ์นี้สามารถรับแสงได้แดดเต็มวันหรือแดดอ่อนๆ และทนต่อน้ำแข็งเกาะที่ใบ สายพันธุ์นี้จะขยายพันธุ์โดยทางเมล็ดหรือแยกหน่อและสามารถตอบสนองต่อการผสมเกสรแบบแห้งได้ สำหรับ E.nubimontanus ฟอร์มที่หนามมากที่สุดที่เรียกว่า Robusta form นั้นเป็นพันธุ์ที่หายากมาก ถ้าหากเป็นไปได้ให้เลือกสะสมชนิดนี้ก่อนเลย ก่อนที่จะสูญพันธุ์เพราะสายพันธุ์เก่าที่เป็น originalหายากมากส่วนใหญ่จะเป็น E.nubimontanus robusta(F5,F4) ด้วยความสวยงามนักสะสมปรงต้องมีการสะสมสายพันธุ์นี้เป็น collection ในสวนปรงใบฟ้าเป็นอย่างยิ่ง
ลำต้น(stem)
ลำต้นไม่มีกิ่งก้านสาขาขึ้นไปในอากาศ ลำต้นจะตรงหลังจากนั้นอาจจะมีการเอนได้เล็กน้อยและอาจจะมีหน่อ(sucker)เกาะอยู่ที่ลำต้นได้ ความสูงได้ถึง 2.5 เมตร เส้นผ่านศูนย์กลางลำต้น 350-400 มิลลิเมตร เมื่อโตเต็มที่ The cataphylls จะเป็นสีขาวนุ่มๆ และหลังจากนั้นจะเกลี้ยงหายไปที่บนยอดหัว
ก้านใบย่อยรวมทั้งหมด(Leaves)
ลักษณะใบมีหลายลักษณะในสายพันธุ์ของมันเองแตกต่างกันสามารถพิจารณาได้มีอย่างน้อย 9 form ซึ่งจะเขียนคร่าวๆ โดยขึ้นอยู่กับ สี ความยาว ความกว้าง การลดรูปของใบลงไปข้างล่าง(spine)
1. Encephalartos Nubimontanus Robusta form (purebred(original) have female only)
2. Encephalartos Nubimontanus Blue wide leaflet form
3. Encephalartos Nubimontanus Blue narrow leaflet form
4. Encephalartos Nubimontanus Long narrow leaflet form
5. Encephalartos Nubimontanus Green wide leaflet form
6.Encephalartos Nubimontanus dolomiticus form
7.Encephalartos Nubimontanus trichardsdal form(ลักษณะใบจะยาวมาก แต่ความกว้างจะไม่กว้าง)
8.Encephalartos Nubimontanus Prevalent form
9.Encephalartos Nubimontanus munchii form(ลักษณะหนามจะคล้าย munchii )
10.Encephalartos Nubimontanus cupidus form(ลักษณะหนามจะคล้ายๆ cupidus)
11.Encephalartos Nubimontanus Giant rough form (ลักษณะหนามที่มีจำนวนมาก)
12. Encephalartos Nubimontanus Strydom form
13.Encephalartos Nubimontanus X robust form(เป็นการ hybrid form แต่สายพันธุ์เดียวกัน)
Form ในข้อ 9-13 เป็น Hybrid form ของ Encephalartos nubimontanus รูปแบบอื่นๆของ Encephalartos nubimontanus มาผสมกับ Encephalartos Nubimontanus Robusta form จะมีรูปแบบออกมาได้หลายลักษณะ ของ Hybrid ในท้องตลาด แล้วก็ตั้งชื่อมาหลายๆแบบ ให้นักสะสมมือใหม่จะได้สับสนกับสายพันธุ์แล้วแต่ร้านจะตั้งชื่อ เพื่อให้เป็นเรื่องการตลาด
โดยลักษณะคร่าวๆในส่วนหนึ่งที่พบเห็น หนามจะคล้าย Robusta แต่ที่ใบในส่วนล่างจะไม่มีลักษณะลดขนาดเป็นซีรี่ย์ลงมา และปลายใบย่อยก็ไม่เรียง 3 หนามตลอดแนว หรือ Hybrid ข้ามสายพันธุ์ Encephalartos Nubimontanus Robusta form กับ Encephalartos cupidus Robusta form ผลลัพธ์ที่ได้ คือก้านใบยาวสั้นลง ขนาดใบเล็กลง ปลายก้านใบมีหนามไม่ใช่ 3 แฉกตลอดแนว สายพันธุ์นี้ไม่สามารถหา Encephalartos Nubimontanus Robusta form สายพันธุ์แท้ได้ง่ายๆ เพราะ Original Encephalartos Nubimontanus Robusta form ในประเทศไทยมีเพียงไม่กี่ต้นให้เห็น สายพันธุ์แท้หาดูยากมากๆ ต้องสังเกตุดีๆไม่อย่างนั้นอาจมีการผิดหวังกันได้ ในการสะสม เพราะในตลาดมักจะนำ Encephalartos Nubimontanus Robusta form (Hybrids Form) มาอ้างชื่อว่า Encephalartos Nubimontanus Robusta form(original) โดยเปลี่ยนมาใช้ชื่อว่า Encephalartos nubimontanus Robust form ซึ่งจะไม่มีตัว a ตัวสุดท้าย
ทุกฟอร์มทั้งหมด รูปแบบใบตั้งอยู่ในพื้นฐานเดียวกันคือ สีน้ำเงินอมเขียว(blue green)ในบางหนังสือ แต่บาง websiteก็เขียนว่า “Blue-Grey” แต่ในประเทศไทยก็สามารถพบเห็น “Blue-Grey” แต่ที่เห็นจริงในไทย จะมีตั้งแต่สีเขียว สีน้ำเงินอมเขียว สีน้ำเงินเทา ได้จริงและลักษณะถัดมาคือไม่มีขนที่ใบ ไม่น่าจะมีความแตกต่างกันทั้ง 2 ด้านบนใบกับด้านหลังใบ ก้านใบยาว 1.1-2.0 เมตร ก้านใบจะแข็งตรงและครึ่งปลายใบจะมีการโค้งลง ที่ก้านของใบ(rachis)จะไม่มีขนในบริเวณก้าน และจะกลายเป็นสีเหลืองเมื่ออายุุมากขึ้น
สำหรับ Encephalartos Nubimontanus Robusta form สำหรับ pp-angle จะมีค่าค่อนข้างคงที่มากผ่านทางความยาวของใบที่มีลักษณะเรียว โดยค่าจะอยู่ที่ 20°-30° องศา
ส่วน form อื่น pp-angle ประมาณ 30° ที่ปลายใบสุดของก้าน จนเพิ่งขึ้นเรื่อยๆจนมีค่า 90°-160° ในใบล่างที่ลงสู่โคนก้านใบไปทาง petiole
ใน Encephalartos Nubimontanus Robusta form สำหรับ pr-angle 60° จะมีค่าเพิ่มขึ้นจากปลายใบสุดของก้าน จนไปถึง 80° ที่ใบล่างที่ลงสู่โคนก้านใบไปทาง petiole
ส่วน form อื่น pr-angle 20°-30° จะมีค่าเพิ่มขึ้นจากปลายใบสุดของก้าน จนไปถึง 80°-90° ที่ใบล่างที่ลงสู่โคนก้านใบไปทาง petiole
ส่วน s-angle ของทุก form จะมีค่า +50° ถึง +90° ที่ปลายใบสุดของก้านและจะลดลงเป็น 0° ที่ใบฐานล่างของก้าน การทับซ้อนของใบย่อยจะเป็นล่างเกยทับบน(incubously)ทั้งหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ปลายยอดก้านใบจะเห็นว่าเกยทับกันครึ่งใบเลย
Petiole
Encephalartos Nubimontanus Robusta form จะพบว่าไม่มีช่องว่างของ Petiole เลยหรือ เรียกว่า Sessile
ส่วน Form อื่น จะมีความยาว Petiole ยาวถึง 350 มิลลิเมตรและมีขนที่ขยายตัวเป็นสีขาวที่ฐานปกคลุม Collarสีน้ำตาลแดงขนาดใหญ่ รวมถึงคลุมด้วย Cataphylly อีกที
Median Leaflets
มีความยาว 180-250 มิลลิเมตร กว้าง 15-25 มิลลิเมตร ใบคล้ายหนัง(leathery) ไม่มีปุ่มที่ผิวใบ(nodules) ขอบใบย่อยไม่หนาและใบย่อยจะมีลักษณะตรง ทั้งทางขวางและตามแนวยาวของใบ ในบาง form อาจจะไม่มีหนามขอบใบ(entire margin leaflet) แต่ในบางฟอร์มอาจจะมีหนามเล็กๆแหลมๆที่ขอบใบที่เรียกว่า teeth อาจจะมี 1 ด้านหรือ 2 ด้านก็ได้ของขอบใบ ส่วน Encephalartos Nubimontanus Robusta form จะมีหนามแหลมๆมากกว่า 8 หนาม(teeth)ทั้งสองด้านรวมกัน และในบางหนามอาจะใหญ่ไปได้ถึงคำว่า Lobe-like และทุกฟอร์มที่ปลายใบจะมีหนามแหลมๆแน่นอน
Basal leaflets
เกือบทุกฟอร์มจะมีใบย่อยลดขนาดลงไปสู่โคนต้นที่เรียกว่า Spine โดยการลดขนาดจะลดลงไปสู่โคนเป็นใบเล็กๆลดลงมาหยุดที่ 1-2 ใบย่อย แต่สำหรับ Encephalartos Nubimontanus Robusta form ใบย่อยลดลงอย่างต่อเนื่องในขนาดของรูปแบบนี้ เรียงลงไปเป็นลำดับยาวๆจนในที่สุดจะกลายเป็นลดรูปขนาดเล็ก(pinnacanths)และจะกลายเป็นใบเล็กๆซึ่งจะมาถึงเกือบมากๆที่ใบฐาน
Cones
เป็นสีน้ำเงินแกมเขียวและไม่มีขน
Male cones
จะมีประมาณ 1-5 conesต่อฤดูกาลต่อต้น ยาว 250-400 มิลลิเมตร เส้นผ่านศูนย์กลาง 50-110 มิลลิเมตร และมีก้านดอก(peducle) 30-85 มิลลิเมตร โดย male coneทั้ง 2 แบบมีสีเหมือนกัน ซึ่ง Male cone E.nubimontanus ทุกรูปแบบจะมีขนาดสั้นและอ้วน แต่ E.dolomiticus จะมีขนาดยาวและผอม Pollen shedding จะอยู่ระหว่าง มกราคมถึงเมษายน
Female cones
จะมีประมาณ 1-3 conesต่อฤดูกาลต่อต้น ยาว 360-400 มิลลิเมตร เส้นผ่านศูนย์กลาง 180-200 มิลลิเมตร ปรากฎว่าไม่มีช่องว่างของ ก้านโคน(penducles)ระหว่าง cataphylls กับปลายยอดของลำต้น cone ใหม่ๆจะมีน้ำหนักได้ถึง 4 กิโลกรัม และมี 130-200 sporophylls ซึ่งจะมีส่วนที่อยู่ปลายๆอาจจะเป็นหมันคิดเป็น 28% coneจะมีการสลายตัวไปในธรรมชาติ ระหว่างเดือนมิถุนายนจนถึงตุลาคมจะมีการเกิด 260 omnules ในการแตกต่างของแต่ล่ะรูปแบบในชนิดนี้ จะมี sporophylls bullae เป็นลักษณะขึ้นมาเป็นรูป pyramidally ซึ่งแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
Encephalartos Nubimontanus Robusta เป็นฟอร์มเดียวที่จะมีเฉพาะ Female cone เท่านั้น เมล็ด(Seeds) สีเหลืองอมน้ำตาลจนถึงสีแดง มีความยาว 26-38 มิลลิเมตร เส้นผ่านศูนย์กลาง 21-29 มิลลิเมตร เมล็ดอ่อนมีสีขาวขุ่น มีเมือกหุ้มเมล็ด (sarcotesta)บ่งชี้ว่า 8%-16% และ the sarcotesta ไม่สามารถกลับมาเป็นเมือกเหนียวๆเมื่อสุกงอมมากๆ เมื่อปลอกเปลือกออกเมล็ดที่อยู่ข้างในจะมีผิวเรียบ มันสัมผัสจะไม่แห้งมาก เนื้อที่อยู่ในเมล็ด(seed kernels)
มีความยาว 22-35 มิลลิเมตร เส้นผ่านศูนย์กลาง 17-23 มิลลิเมตร จะมีเส้นทางแนวนอน 10-12 เส้น
Note
บางชนิดของสายพันธุ์นี้ใบใหญ่และรูปแบบของ Cone ของ Encephalartos nubimontanus จะเป็นบริเวณหนึ่งของในป่าทำให้เกิดหนึ่งของความประหลาดในรูปแบบใบไม่สามารถเกิดลูกหลานของการผสมระหว่าง Encephalartos dolomiticus กับ Encephalartos cupidus โดยมีทางภูมิศาสตร์ทำให้มันแยกจากกัน
Coneที่ถูกตัดออกมา บางรูปแบบของ Encephalartos nubimontanus สามารถสับสนได้กับสายพันธุ์ Encephalartos dolomiticus Encephalartos dyerianus Encephalartos eugene-maraisii และ Encephalartos middleburgensis ทั้งหมดนี้ได้เขียนคำอธิบายอยู่ใน Encephalartos dolomiticus จะเห็นได้ชัดนั้น ที่วิธีเดียวที่จะแยกความแตกต่างชัดเจนระหว่างทุกรูปแบบ(form)ของ Encephalartos nubimontanus และ Encephalartos eugene-maraisii มันสามารถเปรียบเทียบกับสีและลักษณะภายนอกจาก Male Cone และ Female cone
แต่จะมี 1 ฟอร์มที่พิเศษและหายากสุด ซึ่งเค้าว่าเป็นใบฟ้าที่หายากรองมาจาก Encephalartos Hirsutus ก็คือ Encephalartos Nubimontanus Robusta Form ใบที่มีสีฟ้า
- Encephalartos Nubimontanus Robusta Form ใบจะเป็นสีเหลี่ยมปลายใบจะเป็น 3 แฉก มีหนามที่ขอบใบบนและขอบใบล่าง หนามจะลดขนาดลงมาเรื่อยๆ จนถึง Reddish Brown Collar และหนามสุดท้ายมาถึง Reddish Brown Collar ไม่เกิน 3.5 cm. ถ้า Encephalartos Nubimontanus Robusta อยู่ที่ South Africa ใบสามารถกว้างได้ 4- 5 เซนติเมตร แต่ถ้าอยู่ที่ประเทศไทยจะลดขนาดมาเหลือประมาณ 1.5-3.5 cm. ( 1 CM. = 10000 Baht ) แต่ถ้าขนาด caudex เกิน 15 cm. ราคาจะอยู่ที่ความสวยงามซึ่งจะเกิน 10000- ถ้าสวยมากราคาจะเกิน 10000 มากไปกว่านั้นอีก
- Encephalartos Nubimontanus Robusta จะมีสายพันธุ์บางสายพันธุ์ที่เหมือนกันมาก คือ Encephalartos Cupidus Robusta จะเหมือนกันมากตั้งแต่ขนาดหัวมีขนาด 1-12 cm. แต่หลังจาก 12 cm.ขึ้นไปจะเห็นว่าก้านใบ Encephalartos Nubimontanus Robusta จะยาวมากกว่า 1 เมตร ส่วน Encephalartos Cupidus Robusta จะยาวไม่ถึง 1 เมตร ลักษณะของหัว Encephalartos Nubimontanus Robusta จะใหญ่ได้ถึง 40 cm.ส่วน Encephalartos Cupidus Robusta จะใหญ่ได้ถึง 17-20 cm. ต้องพิจารณาองศาใบและ Cone ประกอบไปด้วย เพื่อป้องกันการผิดพลาดแต่สำหรับประเทศไทยน่าจะไม่ออก Cones
-
สรุปสำหรับ Encephalartos Nubimontanus Robusta ในประเทศไทยเท่านั้นจากต้นไม้จริง
1. ปลายใบจะมีประมาณ 3 แฉก ตลอดแนวตั้งแต่ปลายบนสุดของก้านลงไปจนสุดด้านล่างของก้าน
2. หนามในส่วนล่างจะมีลดขนาดลงเป็น Series
3.ไม่มีปุ่มเล็กๆที่หน้าใบและหลังใบที่เรียกว่า nodules (สำคัญมาก)
4. มีเฉพาะตัวเมีย(Female cone) ไม่มีเมล็ด ต้องมาจากการแยกหน่อเท่านั้น
5. ก้านใบจะยาวเกิน 1.2 เมตร สำหรับ caudex ที่มีขนาดเกิน 15 cm
6. หนามจะมีรอบขอบใบย่อยไม่ต่ำกว่า 8 หนามรอบใบ
7.caudex จะมีสีน้ำตาลแดง และมีขนขึ้นที่หัวปรง เหมือนกับ Encephalartos middelburgensis แต่จะขึ้นแบบขนสั้น ไม่เหมือน Encephalartos eugene-maraisii กับ Encephalartos dolomiticus ที่มีขนขึ้นที่หัวปรงซึ่งจะยาวและฟู เมื่อสัมผัสจะรู้สึกถึงความนิ่ม
8.ใบคล้ายหนัง(leathery)
9.ความยาวก้านใบที่ขนาด caudex 15 เซนติเมตรขึ้นไป จะมีความยาว 120 เซนติเมตรขึ้นไป ในประเทศไทยเท่านั้นจากต้นไม้จริง
10.ใบย่อย ที่ตำแหน่ง Median Leaflets ขนาด caudex 15 เซนติเมตรขึ้นไป มีความยาว 150-250 มิลลิเมตร กว้าง 15-25 มิลลิเมตร ในประเทศไทยเท่านั้นจากต้นไม้จริง
reference junglemusic.net/encephalartos nubimontanus(website)