ข้อมูล Encephalartos Inopius
Encephalartos Inopius
Robert Allen Dyer อธิบาย species ในปี 1964 เป็นการค้นพบที่ไม่คาดคิด เพราะว่าเป็นชนิดเดียวที่ไม่ธรรมดาในรูปแบบใบ ผู้ค้นพบได้ตั้งชื่อจากภาษาลาตินว่า ” unexpected” เป็นบางส่วนเพราะว่ารูปแบบตำแหน่งของสายพันธุ์อยู่ที่ฟาร์มด้วยชื่อว่า “Onverwacht ไม่คาดฝัน” (“Unexpected” in Dutch) และมีบางส่วนที่ของใบ เพราะว่าการค้นพบของสายพันธุ์นี้เป็นเอกลักษณ์ของปรงสายพันธุ์นี้ เป็นสายพันธุ์ที่ถูกค้นพบในศตวรรษที่ 20 เมื่อพิจารณาแล้วเป็นสายพันธุ์ที่ไม่ธรรมดาเลย
โดย E.Inopinus เกิดที่หมู่บ้าน Olifants กับ แม่น้ำ Steelpoort ระหว่าง The Penge และ Kromellenberg asbestogmines ใน Mpumalanga ซึ่งเป็นบริเวณตำแหน่งที่ E.dolomiticus กับ E.inopinus ใน The Penge เกิดอยู่บริเวณใกล้ๆกัน
Distribution & Habitat
Habitat : สายพันธุ์นี้ที่มีจำนวนจำกัดในพื้นที่เล็กๆมีจำนวนเบาบางมาก ส่วนใหญ่จะหนาแน่นบนความลาดชันทางผิวของทิศเหนือหรือชั้นหินที่โผล่ขึ้นมาในภูมิประเทศแถว ในตำบล Lydenburg ของ Mpumalanga ใน Olifants และ Steelpoort River valleys ระหว่าง the asbestos mines at Penge และ Kromellenboog มันจะเติบโตบนความลาดชันของเทือกเขาและเกาะอยู่บนหน้าผาที่ยื่นออกมาด้วยความขรุขระอย่างมาก ภูมิอากาศจะเป็นปกติก็คือจะร้อน พื้นที่นี้จะมีปริมาณฝน 375 มิลลิเมตรถึง 750 มิลลิเมตรต่อปี และฝนตกส่วนใหญ่จะอยู่ในฤดูร้อน Goode จะรายงานว่าพืชที่เกิดขึ้นจะมีความสูงเพียงพอถึงที่จะยื่นออกมาผ่านแนวปกคลุมของต้นไม้อื่นแต่ว่ามีตัวอย่างที่ดีโดยเฉพาะอย่างยิ่ง บางทีมีถึง 8 ต้น ที่ยึดเกาะที่หน้าผาไม่สามารถเข้าถึงไปได้โดยเป็นแนวหินแคบๆที่ยื่นออกมาจากหน้าผาสูงๆเป็นหนึ่งในช่องแคบสายพันธุ์นี้ถูกเอาออกไปจากป่าจนจนถึงขั้นเข้าใกล้การสูญพันธุ์มากเต็มที บางส่วนเกิดจากความกดดันจากผู้เชี่ยวชาญและนักสะสมและบางส่วนเกิดจากลิงบาบูรมาทำลาย female cones ในบริเวณกว้าง
Cultivation & Propagation
เมื่อพืชมีขนาดใหญ่จะสามารถรับแสงได้ตั้งแต่แสงอ่อนๆหรือแสงแดดแบบเต็มวันและสามารถรับอากาศเย็นแบบน้ำแข็งเกาะขึ้นได้ เมล็ดที่ถูกผสมเพื่อเติบโตและต้นกล้าที่มีใบเดียวโดยปกติจะถูกทำลายดดยน้ำแข็งในหน้าหนาวได้ สายพันธุ์นี้สามารถขยายพันธุ์โดยทางเมล็ดและแตกหน่อ
มีข้อมูลจำนวนเล็กน้อยที่สามารถจัดสภาวะให้เหมาสมสำหรับสวนของการปลูกสายพันธุ์ของ Encephalartos inopius โดยสามารถที่จะสังเกตุได้ มันถูกสามารถแนะนำในสายพันธุ์นี้ ตำแหน่งที่จัดวางต้องมีแสงแบบสลัว มีแดดสลับร่มเงาและมีการระบายน้ำที่ดี ต้องระวังในการเลื่อนย้ายลำต้นหลีกเลี่ยงการกระทบกระเทือนรากทั้งต้นแม่และหน่อลูก สายพันธุ์นี้สามารถขยายพันธุ์ทางเมล็ดแต่ Coneที่จะออกมามีความยากมากๆ
Stem : ไม่มีกิ่งก้านสาขา ลำต้นขึ้นไปในอากาศและตั้งตรงขึ้นไป มีหน่อเกิดขึ้นที่ลำต้น ลำต้นจะยาวโน้มเอียงและ ไม่มีการแตกเป็นกิ่งก้านสาขา ก้านที่ยื่นออกไปทางอากาศ แล้วใบจะโค้งลงตามแรงโน้มถ่วงของโลก ลำต้นสามารถยาวได้ 6 เมตรและเส้นผ่าศูนย์กลาง 150-250 มิลลิเมตร อาจจะมีการผสมกันทั้งใบขนาดเล็กและขนาดใหญ่ขึ้นอยู่กับสภาสชวะแวดล้อมของส่วนที่เก่าแก่ของลำต้นและลำต้นมันจะมีสีน้ำตาลอ่อน ซึ่งเป็นลักษณะของสายพันธุ์นี้
ใบย่อยรวมทั้งหมด(Leaves) : เป็นสี Silver-green บนผิวใบด้านบนและด้านหลังใบจะเป็นสีที่อ่อนกว่า ก้านใบจะตรงหรืออาจจะมีการโค้งลงได้และอาจจะมีการบิดที่ปลายก้านใบ ใบย่อยทั้งหมดจะแข็งและมีความยาว 0.8-1.5 เมตร
มีค่า pp-angle ที่ 210°-290° ที่ปลายใบและค่อยๆลดค่าลงเหลือ 180° ที่ในส่วนถัดมาของใบไปในทิศใบล่างที่ลงสู่โคนก้านใบไปทาง petiole
มีค่า pr-angle ประมาณ 30° ที่ปลายใบและค่อยๆเพิ่มเป็น 110°-130° ที่ในส่วนถัดมาของใบไปในทิศใบล่างที่ลงสู่โคนก้านใบไปทาง petiole
แต่ pr-angle ของใบฐานด้านล่างจะมีค่ามากกว่า 90° ที่เป็นลักษณะของสายพันธุ์นี้ ลักษณะพิเศษของสายพันธุ์ที่ว่านี้มีหลายกรณี เช่น pr-angle ของปลายใบและที่ส่วนกลางของก้านใบจะมีค่า 80°-110° ทั้งคู่ รวมถึงความจริงที่ว่าที่ปลายใบกับที่กลางใบจะมีความแตกต่างที่ความยาว ปลายใบมีลักษณะดูเหมือนจะทื่อ s-angle 0°ถึง +10° ที่ปลายใบและจะมีค่า 0° ที่ฐานใบ ใบย่อยจะไม่มีการทับซ้อนจากใบใดใบหนึ่ง
Petiole : ความยาว 150-250 มิลลิเมตร
median leaflets : ใบส่วนนี้จะมีความยาว 140-210 มิลลิเมตร ความกว้าง 8-12 มิลลิเมตร ลักษณะใบเป็นแบบ leathery และปราศจากปุ่ม ขอบใบจะไม่มีหนามและไม่หนา ขอบใบบน( Phyllodistal)จะมีลักษณะโค้งลงมา ขอบใบล่าง(Phylloproximal)จะมีลักษณะโค้งขึ้น มิเช่นนั้นใบย่อยจะมีลักษณะตรงในทางขวาง ส่วนในทางยาวหน้าใบจะดูมีความนูนเล็กน้อย ที่ปลายใบจะมีลักษณะหนามแหลม ใบอ่อน ใบที่เพิ่งแตกออกมาใหม่จะปกคลุมไปด้วยขน
Basal leaflets : ตรงช่วงนี้ตำแหน่งนี้จะไม่ธรรมดาสำหรับสายพันธุ์นี้ ที่ว่าค่า pr-angle จะเป็นค่าที่สำคัญเมื่อพิจารณาแล้วองศาจะมากกว่า 90″ ใบย่อยจะค่อยๆลดรูปลงไปสู่ฐาน ถึงจำนวนของใบย่อยที่ลดขนาด Spine ไม่มาก
Cones : ทั้ง male cones และ female cones จะมีสีเหลืองอมเขียวและถูกปกคลุมด้วยขนสีขาวละเอียด โดยพวกมันจะปรากฎในเดือน พฤษจิกายน
Male cones : สามารถเกิดขึ้นได้ถึง 7 conesต่อฤดูต่อต้นได้เลยแต่ว่าพวกมันจะไม่ปรากฎออกมาและสุกพร้อมๆกัน the cones จะมีความยาว 310-350 มิลลิเมตร เส้นผ่านศูนยืกลาง 70-95 มิลลิเมตร และ peducle ุ60-115 มิลลิเมตร conesใหม่ที่เพิ่งตัดจะมีน้ำหนัก 0.5-1.0 กิโลกรัม และมันจะมี 235-400 sporophylls, pollen shedding จะเกิดขึ้นในช่วงเดือนมกราคม-มีนาคม
Female cones : สามารถเกิดขึ้นได้ 1-3 conesต่อฤดูต่อต้น ทั้งหมดนี้จะมีความยาว 150-200 มิลลิเมตร และมีความยาว peducle 40-50 มิลลิเมตร แต่สังเกตุได้โดยมี the cataphylls ของยอดลำต้น โดย Cones ที่เพิ่งถูกตัดจะมีน้ำหนัก 9.5 กิโลกรัม และมี 200 sporophylls ซึ่งจะมีจำนวนแค่ 13% ที่ได้ผสมจากทั้งหมดที่ผสม cones จะเกิด Spontaneously ในช่วง เมษายนถึงพฤษภาคม มี170-260 omnules
Seeds : จะมีสี Pale orange ยาว 37-40 มิลลิเมตร และเส้นผ่านศูนย์กลาง 27-29 มิลลิเมตร
Seed kernals : มีความยาว 35-37 มิลลิเมตร และเส้นผ่านศูนย์กลาง 23 มิลลิเมตร ปราศจากเหลี่ยมและมุม
Notes
สายพันธุ์นี้จะถูกจัดในประเภทไม่ธรรมดาที่ว่า
- Female cone จะถูกเปิดออกเป็น pollination ประมาณ 1 เดือนก่อนที่มันจะขยายขนาด Cone จนเต็มที่
- the female cone ที่เหลือจะเปิดออกมาเป็น pollination ไม่เกิน 3 วัน
- the ovules จะไม่มีรูปแบบของเมล็ดที่โตเต็มที่และถ้าไม่ fertilised เมล็ดก็จะไม่พัฒนาต่อไป
- the sclerotesta ของ the ovules จะอ่อนนุ่มในเวลาของ pollonation และส่วนที่เหลือก็จะอ่อนเหมือนกันถ้า the ovulesไม่ได้ fertilised
เพราจากลักษณะพิเศษของใบและสีของลำต้น รูปแบบใบและ pr-angle ของฐานใบซึ่งจะมีค่าองศามากกว่า 90″ สายพันธุ์นี้มักจะไม่มีการสับสนกับหลายสายพันธุ์ของ South africa
จะพบว่าลักษณะทางกายภาพของ Encephalartos inopius ถ้ามองอย่างผิวเผินจะดูคล้ายกับสายพันธุ์ Dioon และ Microcycas
จะพบว่าสายพันธุ์ Encephalartos Inopius เป็นต้นไม้ที่เลี้ยงประมาณ 10-15 ปีจะน่าดูมากในการจัดสวน
ในปี ค.ศ.1955 ได้มีกลุ่มนักเดินทางได้เข้าไปตำบล the Transvaal’s Lydenburg ซึ่งเค้าเข้าไปหาพืชที่มองแล้วไม่ธรรมดา หนึ่งในผู้สำรวจ ก็คือ Dr. Helmoed van Hoepen ได้นำหน่อจากตัวอย่างและปลูกทดแทนพืชกลับไปใน Johannesburg garden ของเขา ที่นั่นมีความเจริญรุ่งเรืองแต่ว่ามันไม่สำคัญจนกระทั่งเวลาผ่านไป 9 ปี มันได้ดึงดูดความสนใจของนักพฤษศาสตร์ ในการที่จะพยายามย้ายตำแหน่งที่พืชเกิดขึ้น a Mr.C.A.Els เป็นสมาชิกในกลุ่มของนักสำรวจเริ่มแรก ได้ตั้งกลุ่มในช่วงสิงหาคมปี ค.ศ. 1964 ประกอบด้วย Dr L.E. Codd ,Dr I.C.Verdoorn, Mrs.E.van Hoepen and Dr R.A. Dyer โชคร้ายที่ต้นแม่ของสายพันธุ์นี้ปรากฎว่าได้ตายไปเสียแล้ว แต่ตัวอย่างที่สองได้พบใกล้ๆกับ sheer krantz อยู่ระหว่างแม่น้ำ the steelpoort และระหว่าง Pengeและ the Kromellenboog แร่ใยหิน สถานที่นี้เป็นที่รวมพันธุ์พืชที่ว่ามี 3 หรือมากกว่าในอาณาบริเวณหุบเขาเล็กๆที่ไปทางตะวันออก ในเวลานั้น Dr R.A. Dyerและ Verdoorn ได้ทำงานที่หนักในการสำรวจต้นปรงและความเชื่อที่ว่าทั้งหมดนี้เป็นสายพันธุ์ที่จะเป็นการค้นพบสายพันธุ์ใหม่ โดยการค้นพบสายพันธุ์ใหม่ได้อธิบายอย่างกระทันหันโดย Dr R.A. Dyer บอกว่า ” หนึ่งในความสำคัญของศูนย์อนุรักษ์ที่ค้นพบใน South Africa ในเวลานั้น ” และเป็นอะไรที่เกินความคาดหวังถือเป็นรางวัลอันดีเยี่ยม
ความอยากรู้อยากเห็นเป็นที่สุด ในสวนซึ่งถูกพบสายพันธุ์ใหม่ ที่ถูกเรียว่า “onverwacht”(“นอกความคาดหวัง”) และมันก็เป็นดังนั้นที่ธรรมชาติเลือกให้สำหรับ Dr R.A. Dyer คนตั้งชื่อภาษาลาตินก็คือเขา ในปี ค.ศ.1964 อธิบาย ถึงสายพันธุ์ Encephalartos inopinus ศูนย์อนุรักษ์ทางพฤษศาสตร์ได้ถูกเผยแพร่แก่สาธารณะชนโดยปราศจากต้นไม้สายพันธุ์นี้ โดยคนอธิบายได้มีการชี้ชัดเกี่ยวกับ Cone รวมถึงบางส่วนของ male cone ในปี ค.ศ. 1969 พนักงานของ a Transvaal Nature Conservation ได้มีความโชคดีที่พบกลุ่มที่มีการกระจัดกระจายของEncephalartos inopius พวกเขาจึงนำ female coneกลับมาให้ Dr R.A. Dyerตรวจสอบ โดย male cone ได้ถูกจัดไว้แล้วนั้น และมีหลักฐานอันใหม่เกิดขึ้น Dr R.A. Dyer เป็นผู้ค้นคว้าจนเสร็จสมบูรณ์ที่ศูนย์พฤษศาสตร์อธิบายสำหรับสายพันธุ์นี้ในปี ค.ศ.1971
ในเวลานั้นก่อนที่ปรงจะเป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงความทันสมัย E. dolomiticus and E. inopinus เริ่มโตอยู่ในสถานที่ใกล้กับที่อยู่อาศัย อย่างไรก็ตาม ธรรมชาติไม่สร้าง Hybrid สำหรับสองสายพันธุ์นี้ หรือมีอีกหลายสายพันธุ์ที่ถูกบันทึกเก็บไว้
แม้ว่า Encephalartos จะมีหลายชนิด แต่ที่อาศัยอยู่และเป็นที่นิยมหนึ่งในนั้นก็คือ Encephalartos inopius เป็นที่ชื่นชอบของนักสะสม นอกจากนี้ Douglas Goode ได้รักษาเก็บไว้จากกองกำลังลิงบาบูนจำนวนมากในพื้นที่เป็นประจำซึ่งได้ทำลาย Cones ที่ยังไม่สุกและก็อาจเป็นได้ว่าสิ่งที่ถูกอธิบายถึงจำนวน Seedling ที่ขาดหายไป ในช่วงที่ถูกการคุกคามของจำนวนพืชที่ถูกบันทึกไว้ Encephalartos inopius ถูกอธิบายถึง การสูญพันธุ์ ซึ่งได้ถูกส่งต่อข้อมูลมาว่าสถานะที่กำลังจะไม่ดีของสายพันธุ์นี้กำลังจะหมดไปเหมือนสายพันธุ์อื่นๆ